วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ประวัติการปกครองของกรุงธนบุรี



เนื่องจากสมัยอาณาจักรกรุงธนบุรี เป็นช่วงที่ไทยได้เสียกรุงให้กับพม่า ครั้งที่ 2ในปี พ.ศ. 2310 เกิดความแตกแยกกันเป็นกก เป็นเหล่ายังรวมกันไม่ติด และสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำนุบำรุงให้คงสภาพเดิมได้ อีกทั้งข้าศึกศัตรูก็รู้ลู่ทางดีและเมื่อถึงคราวน้ำหลาก ปัญหาต่างๆ ก็ตามมามาก สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงทรงย้ายมาตั้งเมืองหลวงที่กรุงธนบุรี และตลอดรัชสมัยของพระองค์ พระองค์ทรงทำศึกสงครามเพื่อรวบรวมประเทศไทยให้เป็นฝึกแผ่น ทำการกอบกู้เอกราชมาโดยตลอด ดังนั้น ตลอดระยะเวลา 15 ปีพระองค์จึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองแต่อย่างไร ดังนั้นในสมัยกรุงธนบุรียังคงใช้รูปแบบการปกครองแบบเดิมที่เคยมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา คื อระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
1. การปกครองส่วนกลาง (ภายในราชธานี) ประกอบด้วยอัครเสนาบดี 2 ตำแหน่ง คือ
1.1 ฝ่ายทหาร คือ สมุหกลาโหม
1.2 ฝ่ายพลเรือน คือ สมุหนายก
นอกจากนี้ยังมีเสนาบดีจตุสดมภ์ อีก 4 ฝ่าย ได้แก่
- นครบาล (กรมเมือง)
- พระธรรมาธกรณ์ (กรมวัง)
- พระโกษาธิบดี (กรมคลัง)
- พระเกษตราธิการ (กรมนา)
2. การปกครองส่วนภูมิภาค แบ่งหัวเมืองออกเป็น 3 ระดับ คือ
- หัวเมืองชั้นใน เป็นเมืองขนาดเล็กอยู่รายรอบราชธานี เจ้าเมืองเรียกว่า "ผู้รั้ง"
- หัวเมืองชั้นนอก เป็นเมืองขนาดใหญ่และอยู่ห่างไกลราชธานีออกไป แบ่งออกเป็น หัวเมืองเอก โท ตรี ตาม
ลำดับความสำคัญ
- หัวเมืองประเทศราช เป็นเมืองขึ้นต่างชาติ ต่างภาษา ให้เจ้านายปกครองกันเอง แต่ต้องส่งเครื่อง
ราชบรรณาการมาถวาย ได้แก่ ลาว เขมร และเชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น